เร่งไล่ล่า!คนร้ายบุกเดี่ยวชิงทอง-เงินสดกว่า10ล้านบาท

คนร้ายบุกเดี่ยวชิงทอง-เงินสดกว่า10ล้านบาท

ตำรวจเร่งไล่ล่า!คนร้ายบุกเดี่ยวชิงทอง-เงินสดกว่า10ล้านบาท กลางเมืองภูเก็ต

การติดตามคนร้ายก่อเหตุชิงทองและทำร้ายคนที่อยู่ภายในร้านทองทวีชัย ถ.ระนอง ต.ตลาดเหนือ อ.เมืองภูเก็ต ได้รับบาดเจ็บ หลังการประชุมเพื่อติดตามตัวคนร้าย พล.ต.ต.วันไชย เอกพรพิชญ์ รอง ผบช.ภ.8 เปิดเผยว่า ได้แบ่งกำลังออกสืบสวนสอบสวนเป็น 2 ชุด โดยมี กก.สส.ภ.จว.ภูเก็ตและชุดสืบสวน สภ.เมืองภูเก็ต ออกสืบหาเบาะแสคนร้ายตามเป้าหมายและสถานที่ต้องสงสัยแล้ว ซึ่งอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นทางนิติวิทยาศาสตร์และจากพยานแวดล้อม ทั้งเจ้าของร้านทั้ง 2 คนและประชาชนในละแวกใกล้เคียง ซึ่งขณะนี้ พอจะมีกลุ่มเป้าหมายแล้ว ขอเวลาในการทำงานให้กับเจ้าหน้าที่ Lsm99 ในส่วนที่คนร้ายนำโทรศัพท์มือถือของเจ้าของร้านไปด้วย เบื้องต้น ยังไม่พบว่า คนร้ายนำไปขายที่ใด ขณะเดียวกันได้ภาพคนร้ายจากกล้องวงจรปิดตามถนนสายต่างๆ มาประกอบการติดตามคนร้ายแล้ว ซึ่งอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ เพื่อเร่งติดตามจับกุมคนร้ายโดยเร็วที่สุด

จากการตรวจสอบจุดเกิดเหตุ ทั้งบริเวณจุดที่คนร้ายเจาะฝ้าเพดานห้องน้ำชั้น 2 ระเบียบด้านนอกชั้น 2 บริเวณชั้นล่างหน้าตู้เซฟเก็บทองรูปพรรณและบริเวณหน้าร้านขายทอง โดยมีเจ้าของร้านคอยอธิบายจุดต่างๆ ซึ่งนางเบญจพร วัชรัตน์ อายุ 60 ปี น้องสาวเจ้าของร้านที่ได้รับบาดเจ็บระบุกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ไม้ที่คนร้ายใช้ตีผู้บาดเจ็บนั้น เป็นไม้แบบที่วางอยู่ภายในร้าน ส่วนมีดก็เช่นเดียวกัน

เบื้องต้นคาดว่า คนร้ายน่าจะรู้ว่าบริเวณชั้น 2 ไม่มีใคร เพราะจะมืด จึงปีนหลังคาแล้วเจาะทะลุฝ้าเพดานในห้องน้ำลงมา ซึ่งอาวุธทั้งหมดก็ไม่ได้เตรียมมา เป็นของที่หาได้ภายในร้าน ทั้งมีดและไม้ จากนั้นได้มาทำร้ายคนในร้ายจนได้รับบาดเจ็บ เพื่อบังคับให้เปิดตู้เซฟเก็บทองรูปพรรณต่างๆ ส่วนค่าเสียหายที่คนร้ายชิงทองรูปพรรณไปนั้น ขณะนี้ยังไม่ได้สำรวจหรือตรวจสอบจำนวนที่แน่ชัด เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจขอปิดตู้เซฟไว้ก่อน เพื่อตรวจสอบหลักฐานต่างๆ ซึ่งร้านทองทุกร้านต้องมีตู้เซฟไว้เก็บของมีค่าต่างๆอยู่แล้ว ซึ่งถ้าคนร้ายเปิดเซฟได้ของมีค่าทุกอย่างอยู่ในนั้น ความเสียหายเกิดขึ้นไม่มากก็น้อย เชื่อว่า ทองรูปพรรณต่างๆที่คนร้ายได้ไปประมาณ 300 บาท รวมเงินสดอีกจำนวนหนึ่งมูลค่ากว่า 10 ล้านบาท lsm99online โดยที่ร้านมีทองรูปพรรณกว่า 1 พันบาท มูลค่าเกือบ 30 ล้านบาท แต่คนร้ายมาเพียงคนเดียว จึงไม่สามารถเอาไปได้หมด

ส่วนคนร้ายเชื่อว่าเป็นไปได้ทั้งคนงานต่างด้าวและคนไทยที่เคยเข้าออกที่ร้าน ที่ผ่านมาร้านแห่งนี้เปิดให้บริการมากว่า 30 ปี ไม่เคยมีคดีดังกล่าวเกิดขึ้น จึงไม่ได้ทำประกันทองไว้ แต่เชื่อว่าฝีมือตำรวจไทย ไม่เกินความสามารถ เพราะภาพคนร้ายจากกล้องวงจรปิดค่อนข้างชัดเจน

ทั้งนี้มีการตรวจสอบเส้นทางของคนร้าย คาดว่าก่อนเกิดเหตุคนร้ายเข้ามาทางบ้านเก่าแล้วเดินลัดเลาะมายังหลังร้านทองและใช้หลบหนีหลังก่อเหตุเส้นทางเดิม นอกเหนือจากถนนเยาวราช บริเวณอาคารร้าง ยังมีตรอกเก่าที่สามารถเดินทะลุจากอาคารร้างและบริเวณที่โล่งร้าง คือ ถนนกระบี่ ที่สามารถออกมายังตรอกใกล้ๆกับตลาดสดดาวน์ทาวน์ที่มีการเชื่อมต่อระหว่าง ถ.ระนองกับ ถ.กระบี่ได้อีกเส้นทางหนึ่ง ซึ่งเจ้าหน้าที่ให้น้ำหนักเส้นทางหลบหนีเส้นนี้เช่นเดียวกัน ทำให้เจ้าหน้าที่ เชื่อได้ว่า คนร้ายอาจเป็นกลุ่มแรงงานต่างด้าวที่อาจอาศัยอยู่บริเวณใกล้เคียงที่เกิดเหตุ